วิธีการซื้อ ขาย ผ่านอินเตอร์เน็ต

ลงทะเบียนเป็นสมาชิกใหม่ | เข้าสู่ระบบ

     Thaiind.com เป็นแต่เพียง ผู้ให้บริการพื้นที่ ในการฝากประกาศเท่านั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในสินค้า หรือบริการแต่อย่างไร ดังนั้นจึงควร ตรวจสอบสินค้า และบริการต่างๆ หรือสอบถาม รายละเอียด เกี่ยวกับงานนั้นๆ อย่างรอบคอบ
คำแนะนำในการ "ซื้อ" ของผ่านอินเตอร์เน็ต

ข้อควรระวังและตรวจสอบก่อนมีดังนี้
  1. ควรตรวจสอบราคาหลาย ๆ ที่ เพื่อให้ได้ของที่ถูกและดีที่สุด (อาจจะตรวจสอบจากค้นดูราคาสินค้าประเภทเดียวกัน ในเว็บก่อนการซื้อ)
  2. ควรซื้อ-ขายกับสมาชิกที่เป็น VIP โดยจะมีสัญญาลักษณ์ ด้านหลังประกาศ เพราะสมาชิกเหล่านี้ ได้ส่งข้อมูลเสาเนาบัตรประชาชน มายืนยันตัวตนไว้กับทางเว็บไซต์ ทำให้การซื้อขาย น่าเชื่อถือมากขึ้น (ดูการสมัครสมาชิก VIP ที่นี่)
  3. อย่างเห็นแก่ราคาสินค้าที่ถูกจนเกินไป จนรีบตัดสินใจ หากมีผู้ที่แจ้งขายสินค้า ที่ราคาถูกมากเป็นพิเศษ และพยายามเร่งรัดการซื้อ - ขาย กรุณาเพิ่มความระมัดระวัง ในการซื้อ - ขายมากขึ้น
  4. ควรเก็บหลักฐานในการซื้อขายไว้และตรวจสอบที่มาของผู้ที่ต้องการจะขาย เช่น สำเนาบัตรประชาชน สัญญาซื้อขาย ใบเสร็จ ไว้เพื่อใช้ในการติดตาม และตรวจสอบ ในกรณีที่ สินค้ามีปัญหา ในภายหลัง เพราะชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์ ที่ให้ไว้ ในตอนแรก อาจมีการเปลี่ยนแปลง ในภายหลัง หรืออาจจะมีการโทรเช็ค 13 ว่าบ้านเลขที่ที่ส่งมาตรงกันหรือไม่
  5. ควรนัดพบผู้ขาย เพื่อรับของโดยตรง ไม่ควรโอนเงิน ให้ผู้ขายก่อน เพราะได้มีกรณี ที่ผู้ซื้อ โอนเงินไปแล้ว ไม่ได้รับของ หรือได้รับของ ที่ไม่ได้สั่ง และทางธนาคาร ไม่สามารถ อายัดเงิน ให้ท่านได้ แต่หากจำเป็นจริงๆ ท่านสามารถ ใช้บริการ ส่งมอบสินค้าผ่านช่องทางต่างๆ ได้
  6. กรณีที่ถูกหลอกลวง ท่านสามารถ แจ้งความ กับทางตำรวจ ได้ทันที โดยแจ้งสน. พื้นที่ ที่ท่าน ทำการโอนเงิน โดยอาศัย หลักฐานต่างๆ ที่ท่านได้เก็บไว้

    หากเจอปัญหาการใช้บริการสามารถแจ้งปัญหา หรือ โทรโข่ง

คำแนะนำในการ"ขาย"สินค้า
  1. ก่อนตั้งราคาควรเสนอราคาอย่างสมเหตุสมผล
  2. เตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ที่ท่านจะขายให้พร้อม เช่น คู่มือ, ใบรับประกัน หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่มีมากับสินค้า
  3. เปรียบเทียบราคากับราคาตลาด อย่าลืมคิดถึงค่าใช้จ่ายหากมีการการปรับปรุง ซ่อมแซม ส่วนที่จำเป็น เป็นต้นในกรณีที่ท่านไม่ได้ดำเนินการซ่อมแซมใด ๆ ควรแจ้งให้ผู้ซื้อทราบล่วงหน้า
  4. เมื่อนัดหมายให้ผู้ซื้อมาดูสถานที่ ไม่ควรอยู่ตามลำพัง นัดหมายเพื่อนของท่านมาด้วย และเก็บเงินหรือของมีค่าไว้กับตัวท่าน
  5. ควรขอชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ และติดต่อกลับไปเพื่อเป็นการตรวจสอบว่า บุคคลที่สนใจนั้นมีตัวตนจริง

คำแนะนำในการ ส่ง-มอบ สินค้า

1. ในกรณี ที่อยู่ใน กทม. เหมือนกัน แนะนำให้นัดเจอกันค่ะ โดยคุยโทรศัพท์ติดต่อ

"เพื่อนัดหมายสถานที่ และเวลากัน โดยมีข้อควรระวังดังนี้

  1. ควรนัดพบในที่สาธารณะที่ ๆ มีคนมาก เช่น ห้างสรรพสินค้า
  2. ไม่ควรนัดยามวิกาลจนเกินไป
  3. อาจจะพาเพื่อนไปด้วย เพื่อความปลอดภัยในการ รับหรือส่งสินค้า
  4. ไม่ควรนัดมารับสินค้าที่บ้าน
  5. หากไม่แน่ใจ ควรจะให้เค้าแสดงหลักฐานบัตรประชาชน หรือ ข้อมูลต่าง ๆ เพื่อใช้ในการติดตามได้ในอนาคต ก่อนทำการซื้อ - ขาย

     2. ถ้าไม่สะดวกในการนัดเจอ จำเป็นต้องใช้บริการส่งทางไปรษณีย์
     ควรหีบห่อสินค้า ด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะสินค้าที่เสียง่าย เช่น ฮาร์ดดิสค์, มือถือ กับ แท่นซาร์ตถ้าใส่รวม ควรมีอุปกรณ์กันกระแทก และการส่งสินค้ามีหลายแบบ ได้แก่

2.1 ส่งทางพัสดุไปรษณีย์ลงทะเบียน หรือ ไปรษณีย์ EMS
     โดยให้ผู้ซื้อชำระเงินทาง ธนานัติ/โอนเงินเข้าบัญชีผู้ขาย ก่อน หรือหลังส่งสินค้า แล้วแต่ตกลงกัน วิธีนี้จำเป็นที่ ผู้ซื้อ และผู้ขาย ไว้ใจกันและกัน!!! โดยควรมีการพูดคุยกัน ทางโทรศัพท์ หรือวิธีอื่นใด เพื่อให้แน่ใจว่า ไม่มีการโกง

2.2 ส่งทางพัสดุไปรษณีย์เก็บเงินปลายทาง (พกง.)
     คล้ายกับส่งทางพัสดุไปรษณีย์ จะมีแบบฟอร์มให้กรอก รายละเอียดว่าต้องการให้ส่ง พัสดุไปที่ ไปรษณีย์ไหน (ต้องสอบถามจาก ผู้ซื้อว่าสะดวกไปรับ ที่ไปรษณีย์ไหน), และมีฟอร์มธนานัติให้กรอก รายละเอียดของผู้ขาย จากนั้นนำใส่ซอง ที่จ่าหน้าถึงผู้ขายเอง เพื่อที่ไปรษณีย์ จะได้ส่งธนานัติกลับ (ค่าบริการส่ง พกง. 60 บาท)

     จากนั้น เมื่อพัสดุไปถึง ไปรษณีย์ปลายทาง ทางไปรษณีย์ปลายทาง จะแจ้งไปยังผู้ซื้อ ให้ไปรับพัสดุ เมื่อผู้ซื้อไปถึงไปรษณีย์ ต้องชำระเงิน ก่อนที่จะได้รับห่อสินค้า จากนั้นไปรษณีย์จะส่งเงินที่ได้ มาทางธนานัติ โดยใส่ซอง ที่ผู้ขายแนบไป เพื่อให้ผู้ขายนำไปขึ้นเงิน ในกรณีที่ผู้รับ ไม่ไปรับสินค้าใน 30 วัน พัสดุจะตีกลับ ไปยังไปรษณีย์ต้นทาง และจะมี จม. แจ้งให้ไปรับคืน (ต้องเสียค่าส่ง พกง. ครึ่งนึง)
** ดูวิธีและขั้นตอนการส่ง พ.ก.ง. (พัสดุเก็บเงินปลายทาง)

2.3. การโอนเงินเข้าบัญชีไปก่อน แล้วส่งสินค้าตามไป
     วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่อยู่ห่างกันคนละจังหวัด โดยเป็นการโอนเงินไปให้กับผู้ขายก่อน แล้วหลังจากนั้นผู้ขายก็จะทำการส่งสินค้าให้กับผู้ซื้อ หรือตามแต่การตกลงกัน ซึ่งวิธีนี้อาจจะ ต้องวัดดวงกันนิดนึง หากคุณซื้อขายกับคนที่คุณไม่เคยซื้อด้วยมาก่อน เพราะหากคุณโอนเงินไปแล้วเค้าไปให้สินค้ามา ก็ถือว่าคุณ ต้องเสี่ยงกับการส่งสินค้าแบบนี้      ซึ่งจริงๆ แล้วคุณควรจะซื้อกับ สมาชิก หรือ สมาชิก VIP เพื่อสามารถตรวจสอบ ประวัติการซื้อขายของเค้า ในบริการของเค้าได้


การรับสินค้าผ่านทาง พ.ก.ง. อย่างปลอดภัย

  1. ไปที่ไปรษณีย์แต่เช้า ตรวจสอบกล่องหรืออะไรอื่นๆ ที่ส่งมาให้ก่อน ถ้ารูปทรงของกล่องหรืออะไรอื่นๆ ใกล้เคียงกับอุปกรณ์ที่ซื้อก็รับได้ แต่ถ้าไม่ ก็ไม่ต้องรับ
  2. ในกรณีที่รับ ต้องจ่ายเงินก่อนถึงจะเปิดดูได้ ให้เปิดดูเลย เพื่อจะให้ทางเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์เป็นพยาน พยายามให้ กล่องหรืออะไรอื่นๆ บุบสลายน้อยที่สุด เพราะถ้าไม่ใช่ของที่ซื้อ ควรให้เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ส่งของคืน ไม่รับ และจะได้เงินคืน ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ ไม่ยอม อ่านข้อที่ 3 (การแกะหีบห่อแล้วไม่สามารถคืนได้ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น*)
  3. ในกรณีที่จ่ายเงินแล้ว แต่ของไม่ใช่ตามที่ซื้อ หรือไม่ทำงาน ( ถูกหลอก ) ให้ไปแจ้งความ
  4. นำใบบันทึกประจำวัน (ใบแจ้งความ) มาที่ไปรษณีย์มาหาหัวหน้าศูนย์ไปรษณีย์ (คุยกับเขาก่อนเรื่องรายละเอียด) เพื่อขออายัดเงินที่ไปรษณีย์ ที่เดิม
  5. จะได้รับเงินคืน ภายใน 2 เดือน

    ขอบคุณ : ขอบคุณ คุณ Supakit และ คุณ minee44@i-kool.com


วิธีการป้องกันและการตรวจสอบก่อนการโอนเงินหาผู้ขาย

  1. หากในการติดต่อของผู้ขาย ควรระมัดระวังผู้ขายที่ใช้บริการต่าง ๆ ดังนี้ เช่น

    1. เบอร์โทรจากโทรศัพท์ บัตรเติมเงิน (Prepaid) จะไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่ใช้ได้
    2. เบอร์โทรศัพท์จากระบบ Analog อาจจะมีการแอบจูนเบอร์ เพราะจะทำให้การติดตามได้ยาก และเจ้าของเบอร์จริงอาจจะไม่ทราบ
    3. เพจเจอร์ อาจจะมีการจูน เพื่อใช้ในการปลอมแปลงได้เช่นกัน
    4. Email เพียงอย่างเดียว เพราะอาจจะติดตามได้ยาก

    ในกรณีนี้ คุณควรจะขอข้อมูลผู้ขายเพิ่มเติม เพื่อสร้างความมั่นใจมากขึ้น เช่น
    - เบอร์โทรศัพท์บ้าน (จริงๆ)
    - เบอร์โทรศัพท์ระบบ Digital เพราะโทรศัพท์ที่จดทะเบียนจะสามารถยืนยันตัวบุคคลจริงได้ (ในระดับนึง)
    - สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
    - อื่นๆ เป็นต้น
  2. ตรวจสอบเบอร์โทรของผู้ขาย หากเป็นเบอร์ธรรมดาว่า เป็นเบอร์ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกับที่ที่คุณจะโอนเงินไปหรือเปล่า เพราะอาจจะมีการ หลอกลวงได้
  3. ควรโอนเงินผ่านหน้า เคาเตอร์ของธนาคาร เพราะจะสามารถติดตามหรือ อาญัติเงินได้ โดยการแจ้งไปยังสำนักงานใหญ่ ในกรณีที่คุณ "สงสัยว่ามีการฉ้อโกงเกิดขึ้น" เพราะหากคุณใช้บริการโอนเงินผ่าน ATM การติดตามจะเป็นไปได้ลำบากกว่า


หากโอนเงินไปแล้ว ผู้ขายไม่ส่งสินค้ามาควรจะทำอย่างไร ?

  1. ควรเข้าไปแจ้งตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวัน ว่าถูกฉ้อโกง หรือ สงสัยว่าถูกฉ้อโกง เพื่อที่จะนำหลักฐานจากตำรวจ ไปดำเนินการในขั้นตอนอื่นๆ
  2. หากมี Email ผู้ขาย อาจจะติดต่อไปยังเว็บที่ให้บริการ Email เพื่อขอข้อมูลผู้ใช้บริการ (หากเป็น Email ในเมืองไทยจะสะดวกกว่าเมืองนอก) ในการติดตาม
  3. ตรวจสอบหมายเลข IP จากทางเว็บไซต์ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการติดตาม ในกรณีที่ผู้ขายได้ลงประกาศไว้ ในเว็บไซต์


คำแนะนำสำหรับท่านที่ซื้อ-ขายสินค้าผ่าน Thaiind.com

     ท่านสามารถเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ - ขายได้มากขึ้นจากบริการเลือกซื้อ-ขาย สินค้ากับผู้ที่เป็นสมาชิก Thaiind.com โดยสังเกตได้รูปภาพต่างๆ ดังนี้

  -

สมาชิกแบบธรรมดา : เป็นสมาชิกที่มีการลงทะเบียนกับ Thaiind.com

  - สมาชิก VIP : โดยทีสมาชิกผู้นี้จะมีหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนยืนยันตัวจริง ทำให้ ู้ที่ซื้อหรือขายสินค้ากับสมาชิกท่านนี้ สามารถวางใจได้ว่า สมาชิกท่านนี้ ตัวตนอยู่จริง


         นอกจากนี้ท่านยังดูจากข้อมูลอื่นๆ ประกอบการตัดสินใจในการซื้อ-ขายสินค้า


        - ประวัติการซื้อ-ขายสินค้าของสมาชิกท่านนั้นๆ ได้โดยดูได้จาก ในรายการสินค้าชิ้นนั้นแล้วกดที่ " [ ดูสินค้าอื่นๆของผู้ประกาศ] "

        - คำติ-ชมในการให้บริการของสมาชิกท่านนั้นโดยกดที่ " ดูคำติชมของผู้ประกาศ " เพื่อเป็นการนำข้อมูลของสมาชิกท่านๆ นั้นประกอบการตัดสินใจซื้อ-ขายสินค้ากับสมาชิกท่าน นั้นๆ

Best viewed with IE 6.0 at 1,024 x 768 pixels Thaiind.com ©2007 All Right Reserved. Design provided by webmaster